วันพุธที่ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

รวมเรื่องเล่า(ผี)

         คนมุง !
 
           ตอนนั้นเรากับเพื่อนเพิ่งเลิกเรียนเสด   เลยไม่มีอะไรทำกันอ่ะนะ...  เลยมานั่งรวมกันเเล้วคิดว่าคืนนี้เราจะทำอะไรกันดี  สรุปผลคือ พวกเราจะเล่น 'ผีถ้วยแก้ว' กัน  เพราะเพื่อนของเรามันมีกระดานอยู่
          ตกดึก...  พวกเราก็ออกมาจากห้องเเร้วรวมตัวกันประมาน 5-6 คน   จากนั้นก็หาที่เหมาะๆเพื่อที่จะเร่นกัน ... เราเร่นกันไปได้ซักพักก้รุ้วสึกว่าง่วง  เลยขอตัวไปนอนก่อน   เพื่อนคนอื่นๆก้เลยบอกลากันเเร้วเร่นกันต่อ   ทางเดินกลับห้องพักจะเป็นห้องๆหลายๆห้องเรียงกัน   เลยยังพอมีคนออกมาเดินอยู่บ้าง  จู่ๆก้มีคนเดินออกมาจากห้องเเล้วเรียกเราไว้   "เร่นอะไรกันเหรอน่าสนุกจัง ?"  เค้าถามเรา เราก้เลยตอบไปว่า "ผีถ้วยเเก้วน่ะ ทำไมเหรอ"  เค้าตอบกลับมาว่า "ก้ป่าวหรอก  เห็นคนมุงกันเต็มไปหมดเลย : ) "

หนังสือ7 วันจองเวร


7 วัน...จองเวร’ เป็นเรื่องของเซ้นส์ในการมองเห็นวิญญาณ
ของคนที่เกิดในวันต่างๆ แล้วต้องเข้าไปพัวพันกับความตาย

เป็นเรื่องของคนเกิดวันอาทิตย์ที่มักมีจิตสื่อสารกับคนท้อง
ว่ากันว่าถ้าได้ใกล้สตรีมีครรภ์...มักจะได้เห็น ‘วิญญาณ’รอบตัว
เช่นเดียวกับ ‘หมออั้น’ นักศึกษาแพทย์ปี 6 ที่มาฝึกงานบนวอร์ดสูตินารีเวช
ชายหนุ่มได้พบกับวิญญาณของหญิงสาวที่ชื่อว่า ‘เพชรพลับพลึง’
การมาปรากฏตัวให้เห็นอยู่บ่อยๆ ทำให้เขาได้รับรู้ว่า...
เรื่องราวการตายของเธอไม่ใช่การ ‘ตกเลือด’ อย่างที่ใบมรณะบัตรแจ้งไว้
วีรกรรมอันหยาบช้ากำลังถูก ‘ใครสักคน’ ฉาบหน้าด้วยดวงตาใสซื่อ
หมออั้นได้เรียนรู้ว่า บางทีคนปากถือศีล...กำลังซ่อนมีดดาบไว้ในมือ
หลายแง่...หลากมุมของ ‘ความลับ’ กำลังรอการ ‘คลี่คลาย’
ไม่ว่าผีหลอกคน...คนหลอกผี...หรือใครหลอกใคร
เป็นเรื่องของคนเกิดวันจันทร์...ที่มักมีจิตสื่อกับกระจกเงา เช่นเดียวกับ 'เฟิร์น' เด็กหญิงที่ต้องย้ายมาที่โรงเรียนใหม่ตอนกลางเทอม การเป็นเด็กใหม่นั้นย่อมเป็นเป้าหมายปองของเด็กเก่าที่ต้องการจะกลั่นแกล้ง เธอใช้ชีวิตอยู่ท่ามกลางคนปองร้าย ไม่ว่าจะเป็นเพื่อนหรือซิสเตอร์ โชคดีที่ยังมี 'เอย' เด็กสาวผู้เผชิญชะตากรรมแบบเดียวกันเป็นเพื่อนรัก และโชคดียิ่งกว่าเมื่อได้ค้นพบกับ "พิธีกระจกสั่งตาย" ในห้องสมุด เฟิร์นเคยคิดว่ามันงมงาย...แต่พอได้ลองใช้มันกลับได้ผล!

หนังสือเล่มนี้เป็นเรื่องของคนเกิดวันอังคารที่มักมีจิตสื่อกับห้องน้ำ ว่ากันว่าถ้าได้ใกล้กับห้องน้ำที่มีประวัติไม่ดีงามมักจะเจอสิ่งเร้นลับเสมอ เช่นเดียวกับ 'สีปาง' และ 'อธิป' คู่รักที่กำลังจะแต่งงานกันอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า แต่อุบัติเหตุกลับพรากหญิงสาวไปจากชายหนุ่ม...จากไปแต่ความทรงจำ เธอความจำเสื่อม จำไม่ได้แม้กระทั่งตัวเอง และวิธีที่จะบำบัดให้เธอหายดีนั่นคือ...พาเธอกลับไปยังสถานที่ที่คุ้นเคย ซึ่งนั่นก็คือ "เรือนลั่นทม"
เป็นเรื่องของคนที่เกิดวันพุธที่มักมีจิตสื่อสารกับงานศพ เช่นเดียวกับ 'รดา' พนักงานของโรงภาพยนตร์มาสเตอร์เธียร์เตอร์ที่ต้องไปงานศพของเพื่อน ซึ่งถูกฆ่าข่มขืนเสียชีวิตภายในโรงภาพยนตร์ที่ทั้งคู่ทำงานอยู่ ดวงวิญญาณของเพื่อนตามกลับมาที่ห้องเพื่อขอให้ช่วยตามหาตัวฆาตกร ไม่มีทางเลือก...เธอปรึกษากับ 'บอส' แฟนหนุ่มหาวิธีตามหาตัวคนร้าย ฆาตกรเป็นใคร? เธอรู้แต่เพียงว่าต้องเป็นคนใกล้ตัวที่ปะปนอยู่กับพนักงานในโรงหนัง ยิ่งสืบค้น...คนผิดออกมาง่ายกว่าที่คิด แต่มันจะใช่ตัวจริงที่ตามหาหรือ?

หนังสือเล่มนี้เป็นเรื่องของคนที่เกิดวันพฤหัสบดีที่มักมีจิตสื่อสารกับบันไดบ้าน เช่นเดียวกับ 'กันต์' นักศึกษาหนุ่มที่มาหาบ้านเช่าเพื่ออยู่กับ 'ฤทธิ์' และ 'นิว' เพื่อนรัก ทาวน์เฮ้าส์หลังงามตรงทางสามแพร่งคือสถานที่ที่พวกเขาเลือก ทุกอย่างน่าจะผ่านไปได้ด้วยดีถ้าไม่มีเสียงลึกลับดังขึ้นยามวิกาล ซ้ำยังมีชายแก่น่ากลัวข้างบ้านกับเสียงร้องอันทรมานของหญิงสาวชื่อ 'แก้ม' ปริศนาบางอย่างมีแค่ผนังบ้านบางๆ กั้นเอาไว้ ว่าแต่มันคืออะไร ยิ่งเขาพยายามค้นหาเท่าไหร่...ยิ่งหาไม่เจอ

หนังสือเล่มนี้เป็นเรื่องของคนวันศุกร์ที่มักมีจิตสื่อสารกับแหล่งน้ำ เช่นเดียวกับ 'ชะพลู' หญิงสาวผู้ที่เพิ่งตกงานในขณะที่หนี้สินรุงรัง เป็นจังหวะเดียวกันกับที่คลื่นวิทยุ 111.5 Dark Radio นึกอุตริจัดการแข่งขันเรียลลิตี้ท้าผีเพื่อชิงเงินรางวัลหนึ่งล้านบาท ในสภาวะจนตรอก วิธีเดียวที่จะไม่อดตายคือการสมัครเข้าร่วมการแข่งขัน บนเกาะร้างกลางทะเลอันเป็นที่ตั้งของโรงแรมศิตามันอันตราคือสถานที่วัดใจ ทุกอย่างเหมือนจะง่าย แต่เอาเข้าจริง...ไม่ง่ายเหมือนใจคิด
6 ผู้กล้า 6 พิธีกรรม บนตึก 6 ชั้น เกมการแข่งขันของผู้ลองดีกำลังจะได้เจอดี!!!



หนังสือเล่มนี้เป็นเรื่องของคนที่เกิดวันเสาร์ที่มักมีจิตสื่อสารกับศาลพระภูมิ เช่นเดียวกับสามชีวิตที่ต่างก็เดินมาในคนละเส้นทางแต่กลับก้าวย่างเข้ามาสู่ความหายนะเดียวกัน 'นางพยาบาลก้อย' หญิงสาวที่ถูกวิญญาณนางรำลึกลับจองเวร 'นิว' ที่ชีวิตต้องพบกับเงาปริศนาที่ตามหลอกหลอนจนเขาแทบประสาทเสีย 'ข้าว' ที่พบกับสิ่งผิดปกติตั้งแต่ 'ขิง' พี่สาวของตัวเองคลอดลูกออกมาก่อนกำหนด สิ่งลี้ลับที่กำลังตามล่าพวกเขามันคืออะไร บางทีกว่าจะรู้คำตอบก็อาจสายเกินจะแก้ไขอะไรแล้ว

วันอังคารที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

ห้องสีชมพู(เรื่องเล่า)


ห้องสีชมพูตำนานอันลือลั่นของเด็กใหม่ปี 1 ทุกคนโดยเฉพาะนศ.หญิงที่จะต้องพักที่หอ 8โดยรุ่นพี่ที่เคยอยู่หอนี่จะบอกและย้ำเสมอว่าเวลาจะเข้าห้องน้ำต้องเอาเพื่อนไปด้วยเสมอ ห้ามลืมเด็ดขาด!!นี่คือคำเตือนของรุ่นพี่ประจำหอ ที่เพื่อนผมได้ฟังตอนปีหนึ่งแล้วรุ่นพี่อีกคนก็เล่าให้ฟังเกี่ยวกับประวัติของห้องสีชมพูนี้เรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อ 10 กว่าปีที่แล้ว ปี2532 ของนักศึกษาหญิงคนหนึ่ง
ซึ่งประเพณีหรือเรียกว่ากฏของ มช.คือเด็กปีหนึ่งทุกคนต้องอยู่หอใน
เพื่อที่เวลาพี่เรียกมาทำกิจกรรมรับน้องจะได้พร้อมกันอย่างรวดเร็วส่วนคนที่อยู่เชียงใหม่ส่วนมากจะกลับบ้านเย็นวันศุกร์(ถ้าวันเสาร์รุ่นพี่ไม่นัด)กลับเข้าหอก่อนเย็นวันอาทิตย์
        เรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อรุ่นพี่ต่างคณะเกิดมาชอบนศ.หญิงน้องใหม่คนหนึ่ง
ความสัมพันธ์ของทั้งคู่นับวันยิ่งดูรักกันมากขึ้นทุกวันจนมาถึงกลางเทอมรุ่นพี่คนนี้เลยชวนนศ.หญิงไปอยู่ด้วยกันที่หอหลังมช. ทุกเย็นวันศุกร์หน้าหอ 8 จะมีรุ่นพี่คนนี้มาจอดรถรอนศ.หญิงคนนี้ทุกครั้ง และจะมาส่งตอนเย็นวันอาทิตย์ทุกครั้ง
เป็นไปอย่างนี้เกือบจะ 5 เดือนจนเป็นที่อิจฉาของเหล่านศ.หญิงที่หอนั้น
ใครเห็นก็ต่างพูดแซวอยู่ตลอดเวลา ทำให้นศ.หญิงรู้สึกดีใจและรักรุ่นพี่คนนี้มาก
แต่ต่างกันรุ่นพี่คนนี้เริ่มที่จะตีตัวออกห่าง เพราะรู้สึกว่านศ.หญิงคนนี้ เริ่มที่จะจริงจังกับตนเองมากเกินไป    แล้ววันที่นศ.สาวคนนี้เสียใจที่สุดและได้สร้างตำนานอันลือลั่นก็มาถึงเย็นวันศุกร์ที่รุ่นพี่จะต้องมารับเป็นประจำทุกครั้ง..แต่วันนี้รุ่นพี่มาถึงก็ดึกมากแล้วนศ.หญิงเลยถามว่าทำไมมาดึกซึ่งหลายคนก็บอกว่าเพราะรุ่นพี่คนนั้นไปติดพักหญิงอีกคนอยู่นศ.หญิงคนนี้ได้ยินแล้วก็เก็บไว้ในใจตลอดไม่กล้าที่จะถามเพราะกลัวเสียคนรักไปและเธอก็บอกกับรุ่นพี่คนนี้ว่ามีเรื่องที่จะพูดด้วย เป็นเรื่องสำคัญมากรุ่นพี่คนนี้ก็บอกให้ไปคุยกันที่หอ หญิงสาวคนนี้ก็เลยซ้อนรถไปแล้วก็คุยขณะที่ซ้อนรถอยู่บอกว่าตนเองตอนนี้ตั้งครรภ์ได้ 3 เดือนแล้วพอได้ยินแค่นั้นรุ่นพี่คนนี้ก็จอดรถทันทีแล้วก็ถามย้ำว่าเมื่อกี้พูดว่าอะไร หญิงสาวเลยย้ำไปว่าตังครรภ์ได้ 3 เดือนแล้วรุ่นพี่คนนี้ไม่รับผิดชอบหาว่า หญิงสาวนอกใจไปคบชายอื่น พอท้องแล้วจึงมาอ้างว่าตนเป็นคนทำ
    รุ่นพี่คนนี้ขอบอกเลิกเธอในทันที และปล่อยให้เธอเดินจากหลัง มช.กลับมาที่หอตามลำพัง   ระหว่างทางหญิงสาวก็คิดเรื่องที่เกิดขึ้น ทั้งความรู้สึกเสียใจปนความเคียดแค้นต่อชายหนุ่มที่ทิ้งเธอไปบวกกับกลัวทางบ้านจะรู้ความจริงและทำให้พ่อแม่ผิดหวัง ทำให้เธอตัดสินใจเอาเด็กออกแต่เธอไม่กล้าพอที่จะไปที่โรงพยาบาลหรือบอกให้ใครทราบพอมาถึงห้อง เมทร่วมห้องไม่อยู่เพราะกลับบ้านกันหมดเธอเลยเอาเด็กออกด้วยตัวเอง โดยการเอาไม้บรรทัดเหล็กกระทุ้งจนมดลูกฉีกเธอทำไปโดยไม่รู้วิธีการที่ถูกต้อง ทำให้เธอเกิดอาการตกเลือดอย่างรุนแรงก่อนที่เธอจะเสียชีวิตเธอได้เขียนข้อความไว้บนกำแพงห้องนั้นว่า
"กูมีมึงคนเดียว" --z--
    วันรุ่งขึ้นเมทร่วมห้องก็เข้ามาที่หอด้วยท่าทีวิตกกังวล และได้ไปที่ห้องพักที่เธอได้พักกับหญิงสาวคนนี้ก็ได้พบกับศพของหญิงสาว รอยเลือดกระจัดกระจายและข้อความบนกำแพงจึงแจ้งให้ป้าผู้คุมหอทราบก็ได้มีการสอบสวนเมทคนนี้ ว่ารู้ได้อย่างไรว่าเพื่อนเสียชีวิตเมทคนนี้ก็บอกว่าเมื่อคืนฝันเห้นเพื่อนมาบอกลา และให้ไปเอาศพที่ห้องลงมาด้วยแถมยังฝากบอกป้าคุมหออีกว่า ห้ามใครก็ตามมายุ่งกับห้องของเธอหลังจากจัดการเรื่องศพและงานศพเรียบร้อยแล้วนั้น ก็ได้มีการทำความสะอาดห้องนั้นโดยใช้ผ้าชุบน้ำเช็ดรอยเลือดให้สีจางลงเปลี่ยนที่นอนและผ้าปูที่นอนใหม่จนห้องเกือบจะสะอาดเหมือนเดิม
แต่รุ่งขึ้นสิ่งที่ทำให้ทุกคนขนลุกก็คือ ทั้งรอยเลือดและข้อความที่หญิงสาวคนนั้นทิ้งไว้ไม่ได้หายไป  แต่รอยเลือดกลับเพิ่มมากขึ้นกว่าเดิม ทางหอเลยพิจารณาเอาสีใหม่มาทาทับไม่ให้เห็นรอยเลือดแต่แล้วพอวันรุ่งขึ้นรอยต่างๆก็กลับมาอยู่ดังเดิมเหมือนกับไม่ได้มีการนำสีมาทาแต่อย่างใด
     ทางหอเลยได้เชิญพระที่วัดฝายหินมาทำพิธี แต่พระท่านบอกว่าทำพิธีไล่ไปคงไม่ได้เพราะวิญญาณนี้เฮี้ยนมากเพราะยังมีความอาฆาตและมีลูกในท้องอีกด้วย เลยได้แต่ทำการสะกดวิญญาณไม่ให้ไปหลอกคนในหอหลังจากทำพิธีสะกดวิญญาณเรียบร้อยแล้ว ทางหอก็ได้ทาสีห้องใหม่แต่คราวนี้ใช้สีชมพูเพราะจะได้มองไม่เห็นคราบเลือดบนกำแพง จนกลายมาเป็นตำนานห้องสีชมพูจนถึงเดี๋ยวนี้
[เรื่องเล่าที่เป็นประสบการณ์จริง !]ปัจจุบันนี้ผมไม่ทราบนะว่าห้องนั้นใช้ทำอะไร แต่ตอนที่เพื่อนผมอยู่ที่หอ 8 นั้นเพื่อนบอกว่าห้องนั้นใช้เป็นห้องเก็บของที่ไม่ใช่แล้ว เพราะไม่มีใครกล้าที่จะเข้าไปได้แต่โยนๆของเข้าไปเท่านั้นเพราะเคยมีแม่บ้านเข้าไปแล้วออกมาไม่ได้เพราะประตูถูกล็อค ทั้งๆที่ลูกบิดและที่ล็อคห้องนั้นมันล็อคจากด้านใน
      ส่วนเหตุการณ์ที่เพื่อนผมเจอนะ อยากรู้ไหมถ้ากล้าพอจะอ่านก็อ่านเลยห้องสีชมพูนี้จะอยู่ที่ชั้น 2 ของถ้ามองจากด้านหน้าหอ 8 จะอยู่ฝั่งซ้ายไม่แน่ใจว่าเป็นห้องเลขอะไรตอนนั้นทั้งแถบนั้นไม่มีนักศึกษาอยู่ใกล้ห้องนั้นแม้แต่คนเดียว เพราะกลัวเกี่ยวกับประวัติห้องสีชมพูนั้นมากแต่เพื่อนผมเล่าให้ฟังว่ามีนศ.หญิงท่าทางออกผู้ชายคนหนึ่งดูเหมือนจะไม่เชื่อกับเรื่องที่เล่าเท่าไหร่เลยบอกว่างั้นถ้าไม่มีใครอยู่จริงๆ ขออยู่ใกล้ๆห้องนั้นแหละ เพราะเงียบดีจะได้ไม่มีใครรบกวนป้าผู้คุมหอตอนนั้นก็เลยถามอีกครั้งเพื่อความแน่ใจเพราะลงชื่อห้องไปแล้วจะเปลี่ยนไม่ได้ เพราะห้องจะไม่ว่างพอที่จะรับแน่ๆนศ.คนนั้นก็ยังยืนยันคำเดิมว่าจะอยู่ที่แถบนั้นแหละ ห้องไหนก็ได้ป้าเขาเลยให้ตรงชั้น 2 ห้องของนศ.หญิงคนนี้อยู่ถัดจากห้องสีชมพูไปอีก 2 ห้อง อยู่ใกล้ๆห้องน้ำ
      (หอหญิง 8 ห้องน้ำจะเป็นห้องน้ำรวมจะอยู่สุดทางฝั่งขวาถ้านับจากด้านหน้าตึกก็จะอยู่ลึกสุดของแต่ละชั้น)
นศ.คนนี้ก็ไม่มีทีท่าว่าจะกลัวอะไรผ่านไปหนึ่งสัปดาห์ตอนที่รับน้องอยู่เพื่อนผมก็ถามว่าเจออะไรแปลกๆบ้างไหมนศ.คนนี้ก็ตอบว่าไม่เจอนี่ เรื่องที่รุ่นพี่เล่าให้ฟังนะอย่าไปเชื่อมากเลยแต่งขึ้นมาให้รุ่นน้องกลัวทั้งนั้นแหละและหลังจากรับน้องเสร็จคืนนั้นเอง หอ 8 หญิงก็ต้องตื่นกันทั้งหอตอนตี 2เพราะได้ยินเสียงกรี๊ดของนศ.คนนี้ดังลั่น ป้าผู้คุมหอ รปภ.หน้าประตูหอและนศ.ทั้งหมดต่างออกมาดูว่าเกิดอะไรขึ้นเพื่อนผมก็เดินขึ้นไปดูตามป้าเจ้าของหอและรปภ.จะเปิดประตูแต่ประตูห้องล็อค
ป้าผู้คุมหอก็เลยบอกว่าเปิดประตูห้องสิ มีอะไรเกิดขึ้นเหรอ เป็นอะไรรึเปล่านศ.คนนี้ก็ตะโกนออกมาบอกว่าประตูไม่ได้ล็อค แต่มีผู้หญิงคนนี้ดึงประตูไว้อยู่พูดแค่นั้นทั้งป้า ผู้คุมหอ รปภ.และเพื่อนผมพร้อมกับนศ.หญิงอีกหลายคนรีบวิ่งแทบจะไม่ทันแต่พอวิ่งกำลังจะลงมา ประตูห้องก็เปิดออกเอง นศ.หญิงคนนั้นสลบคาห้องต้องเอามาปฐมพยาบาลข้างล่างโดยเพื่อนผมบอกว่ากว่าจะเข้าไปเอาตัวออกมา ป้าผู้คุมหอต้องไปเอาองค์พระพุทธรูปที่หิ้งพระขึ้นมาเลยทีเดียวส่วนรปภ.ก็ต้องเอาสร้อยพระออกมาถือชูไว้ด้านหน้าแล้วค่อยๆอุ้มนศ.คนนั้นออกมาโดยให้นศ.ช่วยกันดันไม่ให้ประตูปิดพอปฐมพยาบาลเสร็จแล้วนศ.คนนั้นฟื้นขึ้นมาก็เอาแต่ร้องไห้บอกว่าจะลาออกไปเรียนที่อื่นจนตอนเช้าพ่อแม่ก็บินมาจากกรุงเทพมาหาที่หอพัก แล้วให้นศ.คนนี้มาเล่าให้ฟังว่าเกิดอะไรขึ้นเพราะพ่อแม่นศ.คนนี้ไม่เชื่อว่าลูกถูกผีหลอกน่าจะโดนเพื่อนแกล้งมากกว่านศ.คนนี้เลยเล่าให้ฟังว่าตอนที่อ่านหนังสืออยู่ ก็ได้ยินเสียงคนหายใจใกล้ๆหูจากนั้นก็ได้ยินเสียงขาเตียงเลื่อนเหมือนมีคนนั่ง แต่ก็ไม่ได้คิดอะไรเพราะคิดว่าอาจจะเป็นเสียงจากด้านล่างซักพักก็ได้ยินเสียงเหมือนคนหายใจไม่ออก แล้วก็ไอเบาๆก็เริ่มที่จะกลัวขึ้นมานิดๆปนกับความสงสัยและอยากรู้เลยพูดออกไปว่า "อยู่ห้องใกล้ๆกันออกมาให้เห็นเลยดีกว่าไหม"
แค่นั้น ก็ได้ยินเสียงเล็บขูดกับกำแพงรอบๆห้อง รอบแล้วรอบเล่าจนทนไม่ไหวจะวิ่งออกจากห้องแต่พอหันไปทางประตูแค่นั้น ก็เห็นหญิงสาวคนหนึ่งใส่ชุดนอนสีเหลืองครีมมีเลือดออกมาทาง หู ตา จมูก ปาก และช่องคลอดยืนจ้องหน้าพร้อมกับพูดว่า "อยากเจอไม่ใช่เหรอ มาหาแล้วนี่ไง"ตนเองจึงร้องออกไปอย่างสุดเสียงก็เห็นหญิงสาวคนนั้นหัวเราะและมองมาทางตนเองแล้วก็ได้ยินเสียงป้าคุมหอบอกให้เปิดประตูแต่ตนไม่ได้ล็อคพอบอกไปว่ามีหญิงสาวคนนี้ยืนจับประตูอยู่แค่นั้น หญิงสาวคนนี้ก็หัวเราะแล้วเดินทะลุกำแพงห้องข้างๆไปเลยจากนั้นประตูก็เปิดออกเองแล้วตนเองก็สลบไปพ่อแม่นศ.คนนี้ได้ฟังยังไม่อยากเชื่อเลยขอดูห้องสีชมพู แต่เพียงแค่อยู่ด้านล่างแล้วมองขึ้นไปยังไม่ทันได้ไปถึงห้อง ก็เห็นนศ.เจ้าของห้องสีชมพู ยืนที่หน้าต่างให้เห็นด้วยใบหน้าโชกเลือดทั้งพ่อแม่และนศ.คนนั้นเลยรีบออกจากหอพักนั้นทันที และได้ย้ายไปเรียนที่กรุงเทพส่วนชั้นนั้นก็ไม่มีใครกล้าไปอยู่ใกล้ๆห้องนั้นเลยตลอด 4 ปีที่เพื่อนผมเรียนอยู่และเพราะบ้านเพื่อนผมอยู่ต่างจังหวัด เลยพักแต่หอในแล้วเพื่อนบอกว่าวันดีคืนดีก็ได้ยินเสียงร้องไห้บ้าง เสียงกรีดร้องบ้าง หรือบางทีไฟห้องนั้นก็เปิดเองทั้งๆที่ไม่มีหลอดไฟ
แต่ที่เพื่อนผมเจอหนักที่สุดคือตอนไปห้องน้ำ เพื่อนผมไปคนเดียวเพราะปลุกใครก็ไม่ยอมไปเป็นเพื่อน เลยรีบวิ่งไปเข้าแล้วก็รีบวิ่งกลับ(ห้องเพื่อนผมอยู่คนล่ะฟากกับห้องน้ำเลย)แต่ขากลับระหว่างที่วิ่งผ่านทางเดินเชื่อมฝั่งซ้าย-ขวา ก็เห็นเงาคนค่อยๆเดินจากอีกฟากมา(เพื่อนผมอยู่ฟากขวา ห้องชมพูฟากซ้าย)เพื่อนผมเลยวิ่งเข้าห้องอย่างรวดเร็วพร้อมกับแหกปากกะให้ทุกคนตื่นแต่แปลกที่ไม่มีใครได้ยินเสียงเพื่อนผมเลย พอเพื่อนผมวิ่งเข้าห้องได้ก็รีบเอาหนังสือพระมาวางไว้หลังประตูแล้วนอนคลุมโปงเลยมันบอกได้ยินเสียงเล็บขูดกับกำแพงรอบห้องเหมือนกับที่นศ.คนนั้นบอกมันเลยท่องบทสวดอุทิศส่วนกุศลให้กว่าเสียงจะเงียบก็เกือบครึ่งชั่วโมงแต่ที่แปลกคือเมื่อเสียงเงียบไปแล้ว เพื่อนทุกคนในห้องตื่นพร้อมกันหมดและพูดขึ้นพร้อมกันว่าเหมือนมีใครไม่รู้เดินตามเข้ามาในห้องด้วย
เพราะเห็นแต่เหมือนกึ่งหลับกึ่งตื่นคืนนั้นเลยไม่ได้นอนกันทั้งห้อง เปิดไฟ เปิดวิทยุกันจนถึงเช้าเลยวันรุ่งขึ้นไปหาซื้อโปสเตอร์รูปพระและผ้ายันต์ที่วัดอุโมงค์มาแแปะไว้เต็มห้องหลังจากนั้นก็ไม่มีอะไรผิดปกติ นอกจากเสียงร้องไห้และกรีดร้องที่กลายเป็นเรื่องปกติที่ชวนขนลุกของห้องสีชมพูหอ 8 หญิงไปแล้ว

วันจันทร์ที่ 22 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

ป๊อก ป๊อก ครืดดด

ป๊...อก ๆ ครืด ...ด ~

    
เรื่องของเรื่องมีอยู่ว่า... มีเหตุการณ์หนึ่งซึ่งไม่ทราบแน่ชัดว่าเกิดขึ้นมานานแค่ไหน แต่สถานที่คือ "หอหญิง" ในมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง ที่ตอนนั้นยังรกร้างอยู่มาก ถนนยังเป็นลูกรัง พอหน้าฝนทีก็ไปมาลำบากเพราะถนมีแต่โคลน ตอนกลางคืนมืด ไม่มีแสงไฟ และเรื่องก็เกิดกับนักศึกษาสาวคู่หนึ่ง ที่อาศัยอยู่ประมาณ ชั้น 2 หรือ 3 ของหอ ช่วงนั้นเป็นช่วงสอบ นักศึกษาต่างกำลังอ่านหนังสือกันอยู่ ประมาณว่า นักศึกษาหญิงคนหนึ่งไม่สบาย อ่านหนังสือในห้องตอนหัวค่ำแล้วรูมเมทชวนไปทานข้าว แต่เพราะเป็นไข้อยู่จึงไปไม่ไหว อยากพักผ่อน พอเมทคนนั้นเห็นเพื่อนไม่สบาย ด้วยความเป็นห่วง จึงบอกว่าเดี๋ยวไปทานข้าวเองก็ได้ แล้วจะห่อข้าวมาฝาก เพื่อนคนที่ไม่สบายก็บอกว่า ยังไงฝากซื้อราดหน้ามาให้ทีละกัน กินแล้วจะได้กินยา เมทคนนั้นก็บอกว่า ได้ เดี๋ยวจะรีบไปรีบกลับ 
          หลังจากที่เพื่อนออกไปจากห้อง คนที่ไม่สบายก็นั่งอ่านหนังสือต่อ อ่านได้ซักพักก็ไม่ไหว เพราะไข้ขึ้นจึงพักนอน ตอนนอนอยู่นั้นก็สะลึมสะลืออยู่ แต่มีความรู้สึกว่านานมากแล้ว เพื่อนทำไมยังไม่กลับมาซะที ตกดึกฝนเริ่มตก นักศึกษาคนนั้นก็ตื่นขึ้นมาอ่านหนังสือต่อ ในใจเป็นห่วงเพื่อน เพราะออกไปนานมากยังไม่กลับ 

          ซักพักนักศึกษาคนนั้น ได้ยินเสียงเบาๆ ดังจากชั้นล่าง จากทางบันได "ป๊อก… ป๊อก... ป๊อก… ป๊อก…" เสียงนั้นดังเป็นระยะๆ ใกล้เข้ามาจากทางบันได ดังขึ้นเรื่อยๆ เสียงเหมือนคนกำลังแบกของหนักบางอย่างขึ้นมา และเสียงนั้นก็ดังมาจนถึงชั้นที่ห้องนักศึกษาหญิงคนนั้นอยู่ แล้วเสียงก็เปลี่ยนไป "ครืด… ครืด…ครืด" เสียงเหมือนคนกำลังลากอะไรซักอย่างใกล้เข้ามาเรื่อย จนมาหยุดอยู่ที่หน้าห้อง นักศึกษาหญิงเริ่มเอะใจ และมองไปทางประตู ในใจนึกว่าเพื่อนกลับมาแล้ว แต่ยังเงียบได้อึดใจนึงก็มีเสียงเคาะห้อง "ก๊อก ก๊อก ก๊อก" แล้วเงียบไป นักศึกษาสะดุ้งสุดตัว คิดว่าไม่ใช่เพื่อนแน่แล้ว ถ้างั้นทำไมไม่เปิดเข้ามาเลย จึงเดินไปเปิดประตู ตรงลูกบิดประตูมีถุงใส่ห่อราดหน้าแขวนอยู่ 

          พอเห็นห่อราดหน้า ก็งง แล้วเพื่อนอยู่ไหน ทำไมไม่กลับมา หรือติดฝนเลยฝากคนอื่นเอามาให้ แต่ทำไมต้องเอามาแขวนไม่รอเจอกันก่อน จะได้รู้ว่าเป็นใคร แล้วทำไมเดินเร็วจัง มีแต่รอยเปียกน้ำเป็นทางจากบันได… คิดต่างๆ นานา
          รุ่งเช้า… มีคนมาเคาะห้องบอกว่าเพื่อนตายแล้ว นักศึกษาหญิงคนนั้นถูกฆ่าข่มขืนตรงพงหญ้าข้างทาง คาดว่าเหตุเกิดประมาณหัวค่ำ ลักษณะศพสภาพแขนและขาทั้งสองข้างหัก อาจเกิดจากการที่คนร้ายเอาท่อนไม้ทุบตี เพื่อไม่ให้หนี นักศึกษาหญิงที่ตายกำลังเดินทางกลับจากตลาดหลังจากทานข้าวเสร็จ ทุกทีจะไปกับเพื่อน แต่เพื่อนไม่สบายจึงไปคนเดียว โดยเพื่อนฝากซื้อข้าวห่อ คนร้ายอาจเห็นว่าเป็นคนเดียวจึงลงมือ 

          แล้วราดหน้าเมื่อคืนล่ะ? ไม่มีใครรู้คำตอบแน่ชัด แต่จากที่ฟังกันมาคือ หลังจากที่ตายไปแล้ว ด้วยความเป็นห่วงเพื่อนเพราะว่าไม่สบาย และยังหิว จึงนำห่อราดหน้าที่ซื้อมาฝากไปส่งให้ แต่จะไปส่งยังไง แขนหักขาหักหมดแล้ว ลักษณะที่เขาเล่ามาคือ เพื่อนคนนั้นใช้ปากคาบถุง แล้วใช้คางเกยพาตัวเองมาจนถึงหอพัก แล้วใช้คางเกยบันไดลากตัวเองขึ้นมาเป็นเสียง "ป๊อก ป๊อก" เสียง "ครืด" ที่ได้ยินคือเสียงลากตัวเองจากบันได มาจนถึงหน้าห้องปรากฎเป็นรอยเปียกน้ำยาวติดต่อกัน หลังจากส่งห่อราดหน้าให้ได้แล้วก็หมดห่วง….

         
ตอนแรกทุกคนไม่เชื่อที่นักศึกษาคนนั้นเล่า แต่หลังจากที่นักศึกษาที่พักอยู่ข้างๆ ห้องยืนยันว่า ในคืนนั้นได้ยินเสียงเหมือนคนกำลังยกของหนักและลากของหนักจากข้างล่างขึ้นมาแล้ว ทุกคนต่างเชื่อสนิทใจ มิตรภาพอยู่เหนือความตาย…

วันอาทิตย์ที่ 21 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

=) หนังสือ Return ;' )

>>' Return กลับ มา พยา บาท !
 
 
"ปลายฟ้า" ฟื้นขึ้นที่โรงพยาบาลและพบว่าความทรงจำในช่วงสามเดือนสุดท้ายของเธอขาดหายไป
เรื่องน่าสะพรึงกลัวเกิดขึ้นเมื่อมีแขกไม่ได้รับเชิญมาเยือนถึงขอบเตียง
เหล่าวิญญาณคนตายปรากฏอยู่ทุกแห่งที่เธอย่างกราย ในทุกลมหายใจที่เธอสัมผัส
พวกเขาไม่ยอมหลับ… พวกเขาไม่ยอมปล่อย… พวกเขาไม่ให้อภัย…
คำถามที่พรั่งพรูออกมาไม่เคยได้รับคำตอบ มีเพียงเงามืดของปริศนาและเสียงร่ำไห้ดังสะท้อนอยู่ในหัว
พวกเขามาเพื่อขอความช่วยเหลือ หรือ เพื่อทวงถามอะไรบางอย่าง?

วันเสาร์ที่ 20 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

=) The ' Ghost ..

ผีคืออะไร ?

ในโลกนี้มีสิ่งมหัศจรรย์มากมายที่มนุษย์ทุกคนล้วนต้องการได้เห็น ได้สัมผัส ได้เรียนรู้ กับสิ่งที่เป็นมากกว่าสิ่งของปกติทั่วไป ..รวมทั้งเรื่องลี้ลับ..
คำถามนี้เป็นคำถามยอดฮิตของคนทั่วทุกมุมโลก ผีน่ากลัวมั้ย ? ผีอยู่อย่างไร ? และผี มีที่มาอย่างไร ? หลายคนเชื่อว่าผี คือพลังงานรูปหนึ่ง ซึ่งจะแยกออกจากร่าง หลังจากที่สิ่งมีชีวิตจะหมดอายุไข ซึ่งอาจมีสาเหตุมาจากการตายโดยความแก่ชรา หรือการตาย โดยที่เจ้าตัวไม่รู้ตัว เกิดจากการที่มีสาเหตุที่ทำให้คนตายได้ตายอย่างไม่สงบสุข หรืออาจเรียกได้ว่า ตายโหง นั่นเอง..


ผี  กับ  วิญญาณต่างกันอย่างไร ?
                     จริงๆแล้ววิญญาณก็คือพวกเรานี่แหละ..  แต่แค่เรามีที่สิงสถิต   แต่วิญญาณ..  คือดวงแห่งชีวิตที่อยู่ไม่เป็นหลักแหล่งก็เท่านั้นเอง..  
                     ผี...   คำๆนี้บางคนอาจไม่ใส่ใจนัก   แต่สำหรับคนบางคนอาจคิดว่าคำนี้มีความหมายลึกซึ้ง..  
                     เกือบทุกสถานที่ๆเรารู้จักและเคยไปล้วนมีวิญญาณทั้งนั้น   แต่แค่เราไม่สามารถสื่อกับเค้าได้    เราลองมาพูดถึงเรื่องใกล้ตัวเราดีกว่า..  โรงเรียน..  ก็เป็นอีกสถานที่หนึ่งนี่นับว่ามีดวงวิญญานสิงสถิตอยู่มาก   เรื่องบางเรื่องที่ไม่ควรพูดก็ควรเก็บๆไว้บ้าง   เพราะบางทีเรื่องที่เราพูดเขาอาจจะได้ยิน..  และอาจไม่พอใจ.. 

=) หนังสือ การิน !!!!


การิน จินตเมธร เป็นตัวละครการ์ตูนจากการ์ตูนไทยเรื่อง การิน ปริศนาคดีอาถรรพ์ เขาเด็กหนุ่มหน้าตาดีแต่เป็นผู้มีนิสัยร้ายกาจเกินอายุ บุคลิกนิ่งขรึม เย็นชา มีโลกส่วนตัวสูง มีปัญหาด้านมนุษยสัมพันธ์ มักจะมีท่าทีก้าวร้าว กวนประสาท ปากร้ายต่อลัลทริมา
การินหลงใหลในไสยศาสตร์ อาถรรพ์ และเรื่องลึกลับอย่างมาก จนปรารถนาที่จะก้าวข้ามขีดจำกัดของมนุษย์ธรรมดา แต่เขาก็ไม่สามารถทำได้ การินจึงอิจฉาและคอยระรานลัลทริมาผู้มีพลังแบบที่ตนต้องการ แม้จะเลือดเย็น มองเห็นโศกนาฏกรรมเหมือนเรื่องสนุกสนาน เกลียดกลัวความรัก และไม่ไว้ใจใครหน้าไหน แต่ลึกๆ แล้วการินเป็นคนมีจิตใจละเอียดอ่อน และมีความอ่อนโยนในแบบของเขา ยึดมั่นในตัวของตัวเอง โดยที่จะไม่ยอมให้ใครมาบงการ ไม่เคยใช้ความสามารถของตนในทางที่ทำลายคนอื่น ซ้ำยังคอยช่วยเหลือและปกป้องลัลทริมาอยู่เสมอ แม้จะแสดงออกในทางตรงกันข้ามก็ตาม ถือว่าเขาเป็นคนที่ทำให้ลัลทริมาสามารถควบคุมญาณอาถรรพ์ และมีชีวิตอย่างคนธรรมดาได้


ตามที่โชติกาลซึ่งปรากฏตัวครั้งแรกในเล่มพระพรแห่งความเจ็บปวดได้กล่าวไว้ การินได้ลงสอบในการสอบวัดความรู้ระดับประเทศหลายครั้ง และได้คะแนนอันยอดเยี่ยมกลับมาทุกครั้งเช่นกัน บวกกับความคิดของลัลทริมาที่เคยเห็นความเฉลียวฉลาดของการินมาหลายครั้ง จึงน่าจะสรุปได้ว่าการินนั้นเป็นเด็กหนุ่มที่ "อัจฉริยะ" โดยที่แทบไม่ต้องเรียนเลย ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะเหตุการณ์ในอดีตเปลี่ยนความคิดและชีวิตของการินไปโดยสิ้นเชิงเลยก็ได้
การินนั้น ในวัยเด็ก เขาเติบโตมาท่ามกลางความยุ่งเหยิง เพราะพ่อเขาต้องทำงานหาเลี้ยงริสา (แม่ของการิน) และการินจนไม่มีเวลามาดูแลทั้งสองคน ซ้ำการินยังเป็นเด็กที่มีสุขภาพร่างกายไม่แข็งแรง เจ็บป่วยบ่อยจนต้องเข้าโรงพยาบาลหลายครั้ง ริสาซึ่งต้องรับภาระหนักทั้งเรื่องลูกชายและความกดดันจากครอบครัวของนรินทร์กลายเป็นโรคประสาทอ่อนๆโดยที่ไม่มีใครทราบเลยแม้แต่สามีของเธอเอง
วันหนึ่ง นรินทร์ได้รับโทรศัพท์จากตำรวจ ว่าริสาเกิดอาการคลุ้มคลั่งและพยายามฆ่าการิน เขาจึงรีบไปที่โรงพยาบาลเพื่อไปพบกับการินและริสา การินในวัยห้าปีถูกแม่ของเขาเอามีดกรีดแขนไปเป็นทางยาว และได้ปักมีดทะลุมือของเขาอย่างเหี้ยมโหด แม้จะไม่มีอันตรายถึงชีวิต แต่กับเด็กห้าปีที่ถูกแม่บังเกิดเกล้าทำร้ายนั้น มันทำลายทุกอย่างหมดสิ้น ทั้งความเชื่อใจ ความรักและสิ่งต่างๆ การินถูกส่งไปอยู่กับตายายที่ต่างจังหวัด เพื่อให้นรินทร์มีเวลาดูแลริสา
หลังจากริสาเสียชีวิต นรินทร์ก็รับการินกลับมาดูแล สภาพชนบททำให้เขาแข็งแรงขึ้นมาก แต่ก็โดดเดี่ยว เก็บตัวมากขึ้นเรื่อยๆ สุดท้าย เขาก็ไม่เคยเชื่อใจใครอีกเลย